วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ฝาง



 

 

 
 
 
ฝาง เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณเยี่ยมอีกชนิดหนึ่ง นำไปผสมผสานกับตัวยาสมุนไพรต่างๆได้มากมาย เอกลักษณ์ของฝางเสนคือ แก่นเนื้อไม้จะเป็นสีแดง (ฝางเสนมีแก่นสีแดงเข้ม ส่วนฝางส้มมีแก่นสีเหลือง) ซึ่งสมัยโบราณนิยมนำมาใช้ในการย้อมผ้า แต่งสีขนม และผสมน้...ำดื่ม ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า คลายร้อน ที่รู้จักกันดีในชื่อ “น้ำยาอุทัย” นั่นเอง

ฝาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Caesalpinia sappan Linn ชื่อภาษาอังกฤษว่า Sappan Tree มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ฝางเสน(กลาง), ฝางส้ม(กาญจนบุรี), ง้าย(กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), หนามโค้ง(แพร่) และโซปั้ก(จีน) พบได้ทั่วไปในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าเขาหินปูนแห้งแล้ง และตามชายป่าดงดิบทั่วประเทศไทย ส่วนในต่างประเทศ พบได้ที่อเมริกาใต้ ปลูกกันอย่างกว้างขวางตลอดเขตร้อน อินเดีย ศรีลังกา พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้

ลักษณะของฝาง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีหนามตามลำต้นและกิ่งก้าน ใบเรียงกันคล้ายใบหางนกยูงไทย ดอกออกเป็นช่ออยู่ตรงส่วนยอดของต้น มีสีเหลือง กลางดอกเป็นสีแดง ออกดอกระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ผลเป็นฝักรูปสี่เหลี่ยมแบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ให้ผลแก่ระหว่างเดือนสิงหาคม-กุมภาพันธ์

ตามตำรับยาแผนโบราณ ฝางจัดเป็นยาเย็น แก่นฝางมีสรรพคุณบำรุงโลหิต ขับประจำเดือน แก้ปอดพิการ ขับเสมหะ แก้ร้อนใน ช่วยลดความร้อนในร่างกาย กระหายน้ำ แก้ไอ ขับระดู เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี แก้ธาตุพิการ แก้เลือดกำเดา แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้อาการเลือดออกภายในอวัยวะต่างๆ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือในลำไส้ หรือคนที่ขาดวิตามินเค มักเลือดไหลหยุดช้า คนที่เส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่าย และคนที่มีเลือดกำเดาออกบ่อย ดื่มน้ำฝางจะค่อยๆ ช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ และยังใช้แก่นฝางฝนกับน้ำเป็นยาทาภายนอกในโรคผิวหนังบางชนิด เพื่อฆ่าเชื้อโรค ขับหนอง

ส่วนเปลือก ลำต้น และเนื้อไม้ ใช้รักษาวัณโรค ท้องเสีย และอาการอักเสบในลำไส้ เป็นยาฝาดสมานและรักษาแผล

สาร Brazilin ที่สกัดได้จากแก่นฝางมีฤทธิ์ระงับการอักเสบได้ดี จึงทำให้มีผลระงับอาการหอบหืดได้ด้วย รวมทั้งสารนี้ยังสามารถยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างสาร Histamine จึงน่าจะช่วยป้องกันโรคหืดได้

นอกจากนี้ ยังพบสารอีกชนิดหนึ่งในแก่นฝางที่ระงับเชื้อโรคได้ คือสาร Sappanin และในเปลือกฝางมีสาร Tannin อยู่มาก สามารถแก้ท้องเสีย ท้องร่วง หรือบิดอย่างอ่อน ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ แก้ไข้ รักษาโรคทั่วไป และฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของฝาง นอกจากต้านเชื้อแบคทีเรียแล้ว ยังสามารถต้านเชื้อรา ไวรัส ยีสต์ ยับยั้งเนื้องอก กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยั้บยั้งการแพ้ได้ด้วย

และเหตุที่สาร Brazilin มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ในประเทศฮังการี มีรายงานว่า ใช้รักษาโรคหัวใจกบที่ถูกสารพิษเป็นผลสำเร็จ และสารนี้ไม่เป็นอันตราย แม้จะดื่มเข้าไปมาก ก็ไม่เกิดการสะสมตกค้างในร่างกาย 
 
    

สรรพคุณของฝาง

  1. เนื้อไม้และแก่นมีสรรพคุณเป็นยาแก้ธาตุพิการ (เนื้อไม้,แก่น)[1],[3],[5]
  2. เมล็ดแก่แห้ง นำไปต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูง หรืออาจบดเป็นผงกินก็ได้ (เมล็ด)[8]
  3. เปลือกลำต้นและเนื้อไม้ สามารถนำมาใช้ต้มรับประทานเป็นยารักษาวัณโรคได้ (เปลือกต้น,เนื้อไม้)[11]
  4. ตำรับยาบำรุงร่างกายทั้งบุรุษและสตรี แก้ประดง ระบุให้ใช้แก่นฝาง แก่นไม้แดง รากเดื่อหอม อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกิน (แก่น)[16]
  5. ตำรับยาบำรุงกำลัง ระบุให้ใช้แก่นตากแห้ง ผสมกับเปลือกต้นนางพญาเสือโคร่ง ตานเหลือง ข้าวหลามดง โด่ไม่รู้ล้มต้มน้ำ ม้ากระทืบโรง มะตันขอ ไม้มะดูก หัวข้าวเย็น และลำต้นฮ่อสะพายควาย ดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง แก้อาการปวดเมื่อย (แก่น)[8] หรืออีกตำรับระบุให้ใช้แก่นฝาง กำลังช้างสาร ม้ากระทืบโรง และรากกระจ้อนเน่า อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำดื่ม และอีกตำรับระบุให้ใช้แก่นฝาง 1 บาท, ดอกคำไทย 2 สลึง นำมาต้มกับน้ำ 3 แก้ว เอา 1 แก้ว ใช้แบ่งรับประทานเช้าเย็นเป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย และแก้กษัย (แก่น)[16]
  6. ตำรับยาแก้กษัย ระบุให้ใช้แก่นฝาง เถาวัลย์เปรียง และรากเตย อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำกิน หรืออาจเติมน้ำตาลให้พอหวานเพื่อช่วยทำให้รสชาติดีขึ้นด้วยก็ได้ (แก่น)[16]
  7. แก่นฝางมีรสฝาด เค็ม ชุ่ม เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อหัวใจและตับ ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงโลหิต และใช้ปรุงเป็นยาบำรุงโลหิตของสตรี (แก่น)[1],[2],[3],[4],[5]
  8. ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก แก้เส้นเลือดอุดตัน กระจายเลือดที่อุดตัน แก้อาการหัวใจขาดเลือด ทำให้จุกเสียดแน่นและเจ็บหน้าอก (แก่น)[1],[7]
  9. ช่วยแก้โลหิต แก้ไข้กำเดา แก้กำเดา ทำให้โลหิตเย็น (แก่น)[1],[3],[5]
  10. แก่นใช้เป็นยาแก้ไข้หวัด ไข้ตัวร้อน (แก่น)[1],[16] ตำรับยาแก้ไข้ตัวร้อน ระบุให้ใช้แก่นฝาง 70 กรัม, ผงโกฐน้ำเต้า 30 กรัม, และน้ำประสานทองบดเป็นผง 15 กรัม นำมารวมกันต้มให้เป็นน้ำเหลว แล้วเติมเหล้าเข้าผสม ใช้รับประทานครั้งละ 30 ซีซี วันละ 2 ครั้ง (แก่น)[7] บ้างว่าใช้แก้ไข้สัมประชวรได้ด้วย (แก่น)[14]
  11. ตำรับยาแก้ไข้ทับระดู ระบุให้ใช้ฝางเสน เกสรบัวหลวง แก่นสน รากลำเจียก รากมะพร้าว รากมะนาว รากเท้ายายม่อม รากย่านาง ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกสารภี จันทน์ขาว จันทน์แดง สักขี อย่างละ 1 บาท นำมาบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อน ใช้รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา โดยให้จิบบ่อยๆ จนกว่าไข้จะสงบ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[19]
  12. น้ำต้มแก่นฝาง มีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำได้ดี (แก่น)[1],[3],[5] เนื้อไม้มีสรรพคุณแก้ร้อนใน (เนื้อไม้)[1]
  13. แก่นและเนื้อไม้มีสรรพคุณแก้เสมหะ ขับเสมหะ (เนื้อไม้,แก่น)[1],[3],[4],[5]
  14. ช่วยแก้อาการไอ แก้หวัด (แก่น)[2],[16] ตามตำรับยาระบุให้ใช้แก่นฝางหนัง 3 บาท, ตะไคร้ 3 ต้น ทุบให้ละเอียด, น้ำ 1 ลิตร ใส่น้ำปูนใสเล็กน้อย แล้วต้มพอให้ได้น้ำยาสีแดง ใช้รับประทานครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา หรืออาจผสมน้ำตาลกรวดด้วยก็ได้ (แก่น)[16] ส่วนอีกตำรับยาหนึ่ง ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไอ ไอแบบเป็นหวัดและเจ็บคอ ไอแบบคอแห้ง หรือไอแบบหอบหืด และผู้ที่ไอจากวัณโรคก็บรรเทาได้เช่นกัน รวมไปถึงอาหารปอดหรือหลอดลมอักเสบก็จิบยาแก้ไอขนานนี้ได้ โดยตำรับยาแก้ไอฝาง ประกอบไปด้วยเนื้อไม้ฝาง 200 กรัม, พริกไทยร่อน 200 กรัม, กานพลู 50 กรัม, สารส้ม 50 กรัม, การบูร 25 กรัม, เมนทอล 25 กรัม, เปลือกหอยแครงแล้วทำเป็นปูนขาว 15 กรัม, ดีน้ำตาลหรือใช้น้ำตาล 2.5 กรัม, และน้ำสะอาด 5 ลิตร ส่วนวิธีการปรุงยาให้นำเนื้อไม้ฝางมาสับเป็นซี่เล็กๆ คล้ายไม้จิ้มฟัน แล้วนำไปต้มกับน้ำให้เดือดประมาณ 15-30 นาที และสำหรับส่วนผสมอื่นๆ ให้นำมาตำให้ละเอียด เก็บใส่ไว้ในโหลก่อน จากนั้นนำน้ำยาต้มฝางที่รอจนอุ่นแล้วมาทาใส่ลงในโหลที่มีตัวยาอื่นๆ ผสมอยู่ และให้แช่ยานี้ไว้ประมาณ 2-3 วัน (คนยาวันละ 3 ครั้ง) เมื่อครบวันแล้วให้กรองเอาเฉพาะน้ำยามาเก็บไว้ใส่ขวดที่สะอาดเก็บไว้จิบกินตอนมีอาการไอ (ยาแก้ไอฝางสูตรนี้ไม่ควรกินต่อเนื่องกันนานจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้มีอาการมึนศีรษะและมีความดันต่ำได้ ดังนั้นเมื่อกินจนอาการไอหายแล้วก็ให้หยุดกิน) (เนื้อไม้)[17]
  15. ช่วยแก้โรคหืดหอบได้ด้วย (แก่น)[11],[14] ตามตำรับยาระบุให้ใช้แก่นฝางเสน, แก่นแสมสาร, เถาวัลย์เปรียง, ใบมะคำไก่ อย่างละ 2 บาท 2 สลึง ใส่น้ำพอท่วมยา แล้วต้มให้เดือด 10 นาที นำมากินต่างน้ำให้หมดภายในวันนั้น พอวันต่อมาให้เติมน้ำเท่าเดิม ต้มเดือด 5 นาที แล้วกินเหมือนวันแรก ต้มกินจนยาจืดประมาณ 5 วัน แล้วค่อยเปลี่ยนยาใหม่ โดยให้ต้มกินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาย (แก่น)[16]
  16. ช่วยแก้ปอดพิการ (แก่น)[1],[3],[4],[5]
  17. ช่วยแก้อาการท้องร่วง ท้องเดิน ใช้ฝาดสมานโรคท้องร่วง ตำรายาไทยระบุให้ใช้แก่นฝางหนัก 3-9 กรัม นำมาต้มกับน้ำ 500 มิลลิเมตร แล้วเคี่ยวให้เหลือครึ่งหนึ่ง ใช้ดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง หรือจะใช้ฝาง 1 ส่วน ต่อน้ำ 20 ส่วน นำไปต้มเคี่ยว 15 นาที ใช้รับประทานครั้งละ 2-4 ช้อนโต๊ะ หรือ 4-8 ช้อนแกงก็ได้เช่นกัน (เนื้อไม้,แก่น)[1],[2],[3],[5],[6],[8] ส่วนน้ำมันหอมระเหยมีสรรพคุณเป็นยาสมานอย่างอ่อน แก้อาการท้องเดิน (น้ำมันระเหย)[9]
  18. ช่วยแก้บิด (แก่น)[1],[7]
  19. ใช้เป็นยาสมานลำไส้ (แก่น)[1],[7]
  20. แก่นนำมาต้มกินเป็นยารักษาโรคนิ่วร่วมกับแก่นต้นคูน รากมะเดือยหิน หญ้าถอดปล้อง และใบสับปะรด (แก่น)[8]
  21. ช่วยแก้ปัสสาวะขุ่นข้น ด้วยการใช้แก่นฝาง เถาวัลย์เปรียง และรากเตย อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำกิน หรืออาจเติมน้ำตาลให้พอหวานเพื่อช่วยทำให้รสชาติดีขึ้นด้วยก็ได้ (แก่น)[16]
  22. ช่วยแก้โลหิตออกทางทวารหนักและทวารเบา ช่วยแก้โลหิตตกหนัก (เนื้อไม้,แก่น)[1],[3],[5]
  23. ฝางนิยมใช้เข้าตำรับยาบำรุงโลหิต ฟอกโลหิตในกลุ่มยาสตรี เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดดี เช่น ช่วยขับโลหิตระดูของสตรี ด้วยการใช้ฝางเสนหนัก 4 บาท และแก่นขี้เหล็ก 2 บาท นำมาต้มกินก่อนประจำเดือนจำมา จะช่วยทำให้ประจำเดือนไม่น่าเสียและมาสม่ำเสมอ ช่วยแก้พิษโลหิตร้าย เป็นยาขับประจำเดือน และบำรุงโลหิต (แก่น)[19]
  24. แก่นใช้เป็นยารักษาอาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ช่วยขับระดู (แก่น)[1],[4],[5],[7] ส่วนเนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาขับระดูอย่างแรง (เนื้อไม้)[1],[3] ตำรายาแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนปิดกั้นไม่มา ให้ใช้แก่นฝาง 70 กรัม, ผงโกฐน้ำเต้า 30 กรัม, และน้ำประสานทองบดเป็นผง 15 กรัม นำมารวมกันต้มให้เป็นน้ำเหลว แล้วเติมเหล้าเข้าผสม ใช้รับประทานครั้งละ 30 ซีซี วันละ 2 ครั้ง (แก่น)[7] ส่วนอีกตำราระบุให้ใช้แก่น 5-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เติมเนื้อมะขามเปียกที่ติดรก (ไม่รวมเมล็ด) ประมาณ 4-6 ฝัก แล้วนำไปเคี่ยวจนเหลือ 1 แก้ว ใช้รับประทานเช้าและเย็น (แก่น)[8] และอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่าเปลือกลำต้นและเนื้อไม้ มีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องเสียและแก้อาการอักเสบในลำไส้ (เปลือกต้น,เนื้อไม้)[11]
  25. ช่วยลดอาการปวดมดลูกของสตรีหลังการคลอดบุตร (แก่น)[1],[7]
  26. ช่วยคุมกำเนิด (แก่น)[14]
  27. ช่วยแก้ดี และโลหิต (เนื้อไม้)[1]
  28. ช่วยขับหนอง ขับหนองในฝีอักเสบ (แก่น)[1],[7]
  29. ช่วยแก้คุดทะราด (แก่น)[2]
  30. ช่วยรักษามะเร็งเพลิง (แก่น)[14]
  31. ใช้เป็นยาฝาดสมานและรักษาแผล (เปลือกต้น,เนื้อไม้)[11]
  32. แก่นฝางนำมาฝนกับน้ำใช้เป็นยาทารักษาโรคผิวหนังบางชนิด และฆ่าเชื้อโรคได้ (แก่น)[1],[3],[6]
  33. ช่วยแก้น้ำกัดเท้า ด้วยการใช้แก่นฝาง 2 ชิ้น นำมาฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆ แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า จะช่วยฆ่าเชื้อและสมานแผลได้ (แก่น)[2],[8]
  34. แก่นใช้เป็นยาแก้ปวด แก้บวม ปวดบวม แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ช้ำใน (แก่น)[1],[7],[10] ตำรายาแก้ฟกช้ำ ระบุให้ใช้แก่นฝาง 60 กรัม นำมาบดเป็นผงผสมกับเหล้า แบ่งกิน 3 ครั้ง ใช้รับประทานตอนท้องว่าง (แก่น)[7]
  35. ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (แก่น)[1] ตามตำรายาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ระบุให้ใช้แก่นฝาง 70 กรัม, ผงโกฐน้ำเต้า 30 กรัม, และน้ำประสานทองบดเป็นผง 15 กรัม นำมารวมกันต้มให้เป็นน้ำเหลว แล้วเติมเหล้าเข้าผสม ใช้รับประทานครั้งละ 30 ซีซี วันละ 2 ครั้ง (แก่น)[7]
  36. กิ่งนำมาตัดเป็นท่อนๆ นำไปตากแห้ง แล้วนำไปต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการปวดหลังปวดเอว (กิ่ง)[8]
  37. เนื้อไม้ใช้เป็นส่วนผสมหลักในตำรับยาบำรุงหลังการคลอดบุตรของสตรี (เนื้อไม้)[1]
  38. เนื้อไม้ใช้ผสมกับปูนขาว นำมาบดใช้ทาหน้าผากสตรีหลังการคลอดบุตร จะช่วยทำให้เย็นศีรษะ และช่วยลดอาการเจ็บปวด (เนื้อไม้)[1]
  39. ตำรายาพระโอสถพระนารายณ์ เป็นตำรับยาที่ใช้แก้ความผิดปกติของอาโปธาตุหรือธาตุน้ำ โดยประกอบไปด้วยเครื่องยา 2 สิ่ง คือ ฝางเสนและเปลือกมะขามป้อม อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำ 4 ส่วน ให้เหลือ 1 ส่วน ใช้กินเป็นยาแก้อาการท้องเสียอย่างแรงและเป็นยาแก้บิด (แก่น)[2]
  40. นอกจากนี้ยังใช้ฝางในการรักษาโรคอีกหลายชนิด เช่น โรคประดง โรคไต ไข้หวัด แก้ไอ หอบหืด ขับปัสสาวะ และฝางยังเป็นสมุนไพรที่ปรากฏอยู่ในตำรับยาโบราณมากที่สุดชนิดหนึ่ง เช่น ยาหอมอินทจักร ยาจันทลีลา อยู่ในตำรับยาบำรุงโลหิตต่างๆ รวมไปถึงตำรับยาบำรุงโลหิตของสตรีจะขาดฝางเสียไม่ได้  

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นฝาง

  • แก่นฝางพบน้ำมันหอมระเหย ที่ประกอบไปด้วยสาร (a-l-phellandrene) และ (Oeimene) พบสาร brasilein, brazilin (สารที่ให้สีชมพูอมส้มถึงแดง หรือ sappan red), phellandrene, ocimene, sappanin, tannin[1],[2],[7]
  • ส่วนอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่าแก่นฝางมีสารในกลุ่ม flavonoid ชนิด 7-hydroxy-3-(4’-hydroxybenzylidene)-chroman-4-one, 3,7-dihydroxy-3-(4’-hydroxybenzyl)-chroman-4-one, 3,4,7-trihydroxy-3-(4’-hydroxybenzyl)-chroman, 4,4’-dihydroxy-2’-methoxychalcone, 8-methoxybouducellin, quercetin, rhamnetin และสารในกลุ่ม sterols ชนิด beta-sitosterol 69.9%, campesterol มี brazilin, brazilein, protosappanin E และ taraxerol 11.2% และ stigmasterol 18.9% และ ombuin[12]
  • เมื่อนำน้ำต้มจากแก่นฝาง ให้กระต่ายทดลองกิน พบว่าจะทำให้กระต่ายมีอาการหลับได้สนิทขึ้น และหากนำน้ำต้มจาดฝางเสนมาฉีดเข้าผิวหนังของหนูหรือกระต่ายทดลอง พบว่าจะทำให้หนูหรือกระต่ายมีการหลับสนิทได้เหมือนกัน และยังพบว่ามีฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดของกบหดตัวได้อีกด้วย[7]
  • สาร Brazilin มีสรรพคุณในการบำรุงหัวใจ ซึ่งในประเทศฮังการี มีรายงานว่า มีการใช้รักษาโรคหัวใจกบที่ถูกสารพิษเป็นผลสำเร็จ และสารนี้ไม่มีอันตราย แม้จะดื่มเข้าไปมาก ก็ไม่เกิดการสะสมตกค้างในร่างกาย[13]
  • สารสกัดจากแก่นฝางด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดของหลอดเลือดใหญ่ที่ตัดมาจากช่องอกชองหนูแรท ที่ความเข้มข้นตั้งแต่ 10 ม.ค.ก./ม.ล.[12]
  • สาร Hematein ที่แยกได้จากแก่นฝาง สามารถช่วยลดการสะสมของไขมันบริเวณผิวหนังของหลอดเลือดกระต่ายทดลองได้[12]
  • สารสกัดจากแก่นฝางด้วยเมทานอล, เมทานอล-น้ำ (1:1) และน้ำ สามารถช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ human HT-1080 fibrosarcoma cell โดยให้ค่า EC50 เท่ากับ 15.8 , 13.8 และ 17.8 ม.ค.ก./ม.ล ตามลำดับ[12]
  • สาร Brazilin ที่สกัดได้จากแก่นฝางมีฤทธิ์ในการระงับอาการอักเสบได้ดี จึงมีผลทำให้ระงับอาการหอบหืดด้วย อีกทั้งสารนี้ยังช่วยยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้าง Histamine จึงน่าจะช่วยป้องกันโรคหืดได้[13],[15]
  • น้ำต้มจากแก่น เมื่อนำมาให้หนูขาวทดลองกิน หรือฉีดเข้าไปในตัวของหนูขาว พบว่าจะสามารถเพิ่มการขับปัสสาวะของสัตว์ทดลองได้ แต่ถ้าให้ในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้ไม่มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ[7]
  • สารที่สกัดได้จากแก่นฝาง สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของหนูทดลองที่มีอาการปวดแสบปวดร้อนได้[7]
  • สาร brazilin ที่แยกได้จากสารสกัดแก่นฝางด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เท้าบวมได้ โดยการฉีด carrageenin ในขนาดใช้ 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม[12]
  • สารสกัดจากเนื้อไม้ฝางด้วยเอทานอล 70% สามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อ Staphylococcus aureus, Shigella flexneri, Vibrio cholerae และ Vibrio parahaemolyticus ที่ความเข้มข้น 5 ม.ก. และสารสกัดจากเนื้อไม้ฝางด้วยเอทานอล 95% สามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อ Escherichia coli และ Shigella dysenteriae ได้ ที่ความเข้มข้น 100 ม.ก.[12]
  • สาร Sappanin ในแก่นฝางมีฤทธิ์ในการระงับเชื้อโรคได้[13],[15]
  • เมื่อนำฝางเสนมาแช่ในแอลกอฮอล์จะได้น้ำยาสกัดแอลกอฮอล์ที่มีสาร Brazilin ละลายอยู่ โดยน้ำยานี้สามารถช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดไข้สูง เชื้อ Staphylococcus และโรคท้องร่วงระบาดได้[15]
  • นอกจากจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียแล้ว ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เชื้อไวรัส ยีสต์ ช่วยยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการแพ้ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน[13],[15] ยับยั้งการงอกของพืชอื่นๆ ลดอาการอักเสบ เสริมฤทธิ์ของบาร์บิตูเรท ช่วยยับยั้ง hepatitis B surface antige ตกตะกอนน้ำอสุจิ ยับยั้งการหลั่งฮีสตามีน ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด[14]
  • การฉีดสารสกัดจากลำต้นของฝางแดงด้วย 50% เอทานอล เข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร พบว่าในขนาดที่ทำให้หนูทดลองตาย 50% เท่ากับ 750 มก./กก. ซึ่งถือได้ว่าสารสกัดจากลำต้นของฝางแดงค่อนข้างมีความเป็นพิษ (ไม่แน่ใจว่ารวมไปถึงฝางเสนด้วยหรือไม่)[        

ประโยชน์ของฝาง

  1. ชาวเมี่ยนจะใช้กิ่งแก่ นำไปต้มกินเป็นน้ำชา[8]
  2. ในปัจจุบันมีการนำมาแปรรูปเป็นน้ำดื่มสมุนไพรฝาง มีทั้งในรูปแบบพร้อมดื่มและแบบชง โดยมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการร้อนใน แก้เสมหะสะ บำรุงโลหิต แก้เลือดกำเดา[10]
  3. แก่นไม้เมื่อนำมาต้มกับน้ำดื่มผสมกับใบเตยหรือผลมะตูม จะช่วยให้มีสีสันสวยงาม[8]
  4. น้ำต้มจากแก่นฝางแดง จะให้สีแดงที่เรียกว่า Sappanin นิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของน้ำยาอุทัย ผสมในน้ำดื่ม สีผสมอาหาร และนิยมนำมาย้อมสีผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าขนสัตว์[1],[4],[10] ส่วนฝางส้ม จะนำมาต้มสกัดสาร Haematexylin ใช้ย้อมสีนิวเคลียสของเซลล์[10]
  5. นอกจากจะใช้เนื้อไม้ในการย้อมสีแล้ว ยังนำมาทำเป็นสีทาตัวสำหรับงานเทศกาลในอินเดียอีกด้วย ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยาเนื้อไม้ของต้นฝางถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ และเป็นเครื่องบรรณาการอย่างหนึ่ง และเคยเป็นสินค้าผูกขาดของรัฐอย่างหนึ่ง[11]
  6. รากของต้นฝางจะให้สีเหลือง ที่ใช้ทำสีย้อมผ้าและไหมได้ หรืออาจใช้เป็นสีผสมอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ก็ได้[1]
  7. ภูมิปัญญาชาวบ้านจะใช้แก่นของต้นฝาง (ที่เหลาเป็นไม้จิ้มฟัน) ไปตอกลงบนต้นขนุนจนถึงเนื้อไม้ จะไปกระตุ้นให้ขนุนติดลูกบริเวณที่เราตอกลงไป[12]
  8. เนื้อไม้นำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือนชั้นดี ตกแต่งชักเงาได้ดี โดยสีของเนื้อไม้จะออกแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม[8],[10]
  9. ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับหรือปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงา (เป็นไม้ที่ให้ร่มเงาขนาดเล็ก) แต่ต้องหมั่นตัดกิ่งที่เลื้อยพันออกให้ เพื่อให้เป็นทรงตามต้องการ เมื่อออกดอกจะออกดอกดกสีเหลืองงามอร่ามเด่นชัด และยังนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้านตามชนบท

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรฝาง

  • ฝางมีฤทธิ์เป็นยาขับประจำเดือน ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด จึงไม่ควรนำไปใช้กับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์[16]
References
  1. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “ฝาง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [29 เม.ย. 2014].
  2. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “ฝาง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com.  [29 เม.ย. 2014].
  3. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  “ฝาง”.  หน้า 113.
  4. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “ฝาง Sappan Tree”.  หน้า 69.
  5. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “ฝาง (Fang)”.  หน้า 184.
  6. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, พิมพ์ครั้งที่ 5.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  “ฝาง”.  หน้า 516-517.
  7. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “ฝาง”.  หน้า 362.
  8. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยาชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “Sappan tree, Indain red, Brazilwood”.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือสมุนไพรใกล้ตัว เล่มที่ 13 ว่าด้วยสมุนไพรแต่งสี กลิ่น รส (สมพร หิรัญรามเดช).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [29 เม.ย. 2014].
  9. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “ฝาง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [29 เม.ย. 2014].
  10. โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก.  “น้ำสมุนไพรฝาง เพื่อสุขภาพ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: school.obec.go.th/sumkheelek/. [29 เม.ย. 2014].
  11. งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29.  “ฝางเสน”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: ict2.warin.ac.th/botany/.  [29 เม.ย. 2014].
  12. ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอวังวิเศษ.  “ภูมิปัญญาชาวบ้าน เทคนิคการทำให้ขนุนออกดอกตรงตำแหน่งที่เราต้องการ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: trang.nfe.go.th/nfe14/.  [29 เม.ย. 2014].
  13. นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557.  (มีคณา).
  14. ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน).  “ฝาง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [29 เม.ย. 2014].
  15. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “ฤทธิ์กันเสียของฝาง (Caesalpinia sappan L.) ในผลิตภัณฑ์อาหารประเภทน้ำพริก”. (นฤพร สุทธิสวัสดิ์, ศุทธินี ธไนศวรรยางกูร).
  16. กลุ่มรักษ์เขาใหญ่.  “ฝางเสน สร้างเลือด สร้างภูมิ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rakkhaoyai.com.  [29 เม.ย. 2014].
  17. มูลนิธิสุขภาพไทย.  “แก้ไอเจ็บคอด้วยฝาง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaihof.org.  [29 เม.ย. 2014].
  18. อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “สรรพคุณและพิษของฝางแดง ม้ากระทืบโรง กำแพงเจ็ดชั้น”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th.  [29 เม.ย. 2014].
  19. ไทยโพสต์.  “เครื่องดื่มฝางใครรู้จักบ้างยกมือขึ้น”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net.  [29 เม.ย. 2014].
:

ข้อความจาก .นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557 โดย มีคณา, ข้อมูลโดย ฟรินน์ดอทคอม
ภาพประกอบจาก . Gyn Shop ถ่ายโดย คุณพีรศักดิ์ ยอดสง่า
 ภาพประกอบ
 www.flickr.com (by Nelindah, Mike Bush, Foggy Forest, SingWay), www.pharmacy.mahidol.ac.th, www.hinsorn.ac.th

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น