วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีรักษา บาดแผลจากโรคเบาหวาน

วิธีรักษา บาดแผลจากโรคเบาหวาน


วิธีรักษา บาดแผลจากโรคเบาหวาน

ข้าพเจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับแผลเน่าจากโรคเบาหวาน จนผู้ป่วยต้องถูกตัดนิ้ว ตัดมือหรือแขนขาทิ้งไป เพราะเชื้อโรคลุกลามจนต้องผ่าตัดใหญ่ และในที่สุด เรื่องนี้ก็เกิดกับแม่ของข้าพเจ้าเอง
คุณแม่ของข้าพเจ้าอายุเจ็ดสิบกว่าปี ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่หลายปีแล้ว โดยที่แม้คุณหมอที่โรงพยาบาลได้สั่งนักสั่งหนาว่าต้องมาตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อทราบอาการของโรคเบาหวานแต่คุณแม่ก็ละเลยและไม่ยอมรับว่า ตนเองเป็นเบาหวาน จนคุณแม่มีอาการตามัว (เกิดจากโรคเบาหวาน) ขึ้นมาจึงถูกบังคับให้ไปตรวจเลือด ก็พบว่ามีน้ำตาลในเลือดสูง
อยู่มาวันหนึ่ง คุณแม่ตัดเล็บที่นิ้วเท้า เล็บฉีกออกจากเนื้อนิดหน่อย คุณแม่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแต่หายามาทา วันต่อมารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น แผลกับมีหนองขึ้นมา จนต้องรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอใช้เครื่องมือเขี่ยเอาหนองออก ทาแอลกอฮอล์ ปิดสำลีและผ้าพันแผล ให้ยารักษาเบาหวานและยาปฏิชีวนะมากิน ทั้งให้ไปทำแผลใหม่ทุกวัน และเจาะเลือดตรวจทุกอาทิตย์ รักษาเช่นนี้มาสองอาทิตย์ ก็ยังคงมีหนองที่แผล เรื่อย ๆ ทุกครั้งแพทย์ได้ใช้เครื่องมือตัดเอาเนื้อเน่าออก จนคุณแม่ต้องร้องลั่นห้องเพราะเจ็บปวดมาก ยาปฏิชีวนะและยารักษาโรคเบาหวานได้กินตรงตามที่แพทย์สั่งตลอดระยะเวลาที่รักษา แต่อาการยิ่งแย่ลง จนครบ 1 เดือน นิ้วที่เท้าถูกตัดไปครึ่งนิ้ว และคุณแม่ไม่ยอมไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีก เพราะกลัวจะถูกตัดไปอีกครึ่งนิ้ว จึงหันไปหาหมอจีนแถววัดสามจีน หมอจีนได้ให้ยาสมุนไพรสดตำละเอียดมาพอก และต้มน้ำใช้ล้างแผล และสั่งยาสมุนไพรแห้งมาต้มน้ำดื่ม หมอจีนไม่ยอมเปิดเผยใบสั่งยา ต้องมาหาหมอตรวจดูอาการแล้วซื้อยาไปทุกครั้ง คุณแม่ถามหมอจีนว่า จะหายหรือยัง หมอจีนก็ปลอบใจว่า จะหายแล้ว แต่ผมก็เห็นเนื้อยังเน่า มีหนองออกมากมาย แถมมีกลิ่นเหม็น รักษากับหมอจีนนี้ประมาณ 3 เดือน รวมรักษามาแล้ว 4 เดือน เสียเงินไปหลายพันบาท แถมเสียเวลาไปมากมาย เพราะหมออยู่ไกลจากบ้าน ต้องใช้เวลาเดินทางมาก อาการของคุณแม่ก็ไม่ดีขึ้นเลย
ข้าพเจ้าผู้เป็นลูก รู้สึกเป็นห่วงคุณแม่มาก ตอนนั้นกำลังศึกษาเภสัชกรรมแผนโบราณ ที่วัดอัมพวัน อยู่พอดี ได้เรียนเกี่ยวกับพวกยาสมุนไพร แต่ก็ไม่มีความมั่นใจว่าตัวเองจะรักษาคุณแม่ได้ เพราะแม้แต่หมอใหญ่ของโรงพยาบาลยังเป็นห่วงบาดแผลของคุณแม่ ข้าพเจ้าจึงได้เรียนถามอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับวิธีรักษา อาจารย์ท่านได้บอกว่าให้ใช้ รากผักโขมหนาม 1/2 กิโลกรัม, ลูกใต้ใบ 1/2 กิโลกรัม ต้มน้ำ 3 ส่วนให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มต่างน้ำ แต่เนื่องจากข้าพเจ้าไม่อาจหารากผักโขมหนามได้ และได้ทราบจากรายงานทางการแพทย์ว่า ผักโขมมีอ๊อกซาเลต (Oxalate) สูง สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้
ข้าพเจ้าจึงแก้ไขสูตรโดยใช้ตัวยา ดังนี้
ก. ยากิน
  • ใช้ฟ้าทะลายโจร (น้ำลายพังพอน) ชนิดแห้ง 3 ขีด
  • ลูกใต้ใบชนิดสด หนัก ½ กิโลกรัม เอาตัวยาทั้งสองนี้ ต้มน้ำ 3 ส่วนให้เหลือ 1 ส่วน ดื่มแทนน้ำ
ข. ยาทา
  • ใช้ลูกเบญกานี (เป็นยางไม้ชนิดหนึ่งซื้อได้จากร้านขายยาไทย ยาจีนทั่วไป ราคาถูก เม็ดละ 1-2 บาท เท่านั้น) เอามาฝนกับน้ำสะอาดให้เข้มข้น
  • หลังจากล้างแผลด้วยน้ำด่างทับทิมแล้ว ก็ใช้น้ำยาที่เข้มข้นของลูกเบญกานีทาเคลือบแผลโดยไม่ต้องเขี่ยเอาหนองออก เมื่อน้ำยาแห้ง น้ำยาเบญกานีจะรวมตัวกับหนองจับกันเป็นแผ่นแข็งหุ้มห่อบาดแผลเหมือนเคลือบแผลด้วยยางไม้ ระหว่างทำแผลจึงไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างไร
ข้าพเจ้าได้ทำแผลให้คุณแม่เช่นนี้ทุกวัน ๆ ละครั้ง และกินยาทุกวันด้วย ข้าพเจ้าจะใช้คีมหนีบทุกวันด้วย ข้าพเจ้าจะใช้คีมหนีบสำลี ชุบน้ำด่างทับทิมเช็ดเอายาเก่าออกก่อนทุกครั้ง แล้วจึงทาเคลือบยาใหม่ลงไป เป็นระยะเวลายี่สิบกว่าวัน จนยาที่ทาเคลือบหนามากคล้ายก้อนหิน ข้าพเจ้าลองเอาไม้ไปเคาะดู คุณแม่ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด และแล้ววันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังทายาใหม่ให้คุณแม่ยางเคลือบแผลที่เกาะกันคล้ายหิน ก็หลุดออกมา มองเห็นหนังดีที่อ่อนนุ่มงอกแทนที่เนื้อเน่าที่เคยเห็น แต่ยังมีเส้นเลือดแห้งเส้นหนึ่งเกาะอยู่ระหว่างนิ้วขากับเกราะยางเคลือบที่หลุดออกมาเท่านั้น ข้าพเจ้าจึงใช้กรรไกรเผาไฟ ตัดเส้นเลือดนั้นขาด แล้วใช้ยางลูกเบญกานีทาเคลือบ
นั่นแหละ บาดแผลเนื่องจากเบาหวานของคุณแม่จึงได้หายสนิท โดยยาไทยที่วิเศษนักขนานนี้ ราคา
ก็ถูก กรรมวิธีการรักษาก็ง่าย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ขึ้น เพื่อให้หมอแผนปัจจุบันที่คิดจะตัดนิ้วตัดแขนขาของคนไข้ที่เป้ฯเบาหวานทิ้งอยู่เรื่อยไป ให้หันมาลองใช้ยานี้ดูบ้าง อาจพบความมหัศจรรย์ดังที่ข้าพเจ้าได้พบมาแล้วก็ได้

 credit : www.doctor.or.th

ข้อมูลสื่อ

22-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 22
กุมภาพันธ์ 2524

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557


 ถั่งเช่า

 

ถั่งเช่า (蟲草; chong cao) หรือ ตังถั่งเช่า (冬蟲草; dong chong cao) หรือ ตังถั่งแห่เช่า(冬蟲夏草; dong chong xia cao) เป็นสมุนไพรจีน มีความหมายว่า "หญ้าหนอน" หรือ "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า" เกิดจากหนอนผีเสื้อแถบที่ราบสูงทิเบต ที่จำศีลอยู่ใต้ดินในฤดูหนาว ถูกสปอร์ของเห็ดราในสกุล Ophiocordyceps อาศัยเป็นปรสิตและเติบโตสร้างเส้นใยออกมาทางส่วนหัวของตัวหนอนในฤดูร้อน เห็ดนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ophiocordyceps sinensis

เห็ดถั่งเช่าพบในทิเบต มณฑลชิงไห่ มณฑลเสฉวน มณฑลกานซู มณฑลยูนนาน และแถบเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย ภูฏาน และเนปาล มีสรรพคุณในการบรรเทาอาหารหย่อนและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงเชื่อว่ารักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย มีความต้องการในท้องตลาดสูง และมีราคาแพง



สาเหตุที่ถั่งเช่าได้ถูกเรียกชื่อนี้ เนื่องจากมีสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิดนั่นเอง เนื่องจากมีสารประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะสารคอร์ไดซิปิน (cordycepin) สารโพลีเซคคาไรด์ (cordyceps polysaccharide)สารอะดีโนซีน (adenosine) และสารอื่นๆ ที่บำรุงเซลส์ส่งผลให้เซลส์แข็งแรงทำให้ร่างกายแข็งแรง จึงเรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรที่ยืดชีวิตให้แก่คนนั่นเอง
ซึ่งถั่งเช่าเป็นที่เล่าขานว่าเป็นยาอายุวัฒนะ (elixir of life) เป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานนับพันๆปี ในอดีตจัดเป็นสมุนไพรที่หายาก และมีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่ได้เสวย ในปัจจุบัน ถั่งเช่าที่เก็บจากธรรมชาติมีราคาสูงถึง 1.3 ล้านบาทต่อกิโลกรัม จึงได้มีการเพาะเลี้ยงเส้นใยทดแทน

Picture



สรรพคุณ

ถั่งเช่าถูกนำไปผสมกับหนอนตามสูตรยาจีนเพื่อปรุงยาบำรุงร่างกาย ยาบำรุงร่างกายที่ปรุงได้จะมีสรรพคุณหลายประการ อาทิ บำรุงไต เสริมระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการอ่อนเพลีย บรรเทาอาการภูมิแพ้ บรรเทาอาการไอและละลายเสมหะ บรรเทาอาการหอบหืด บรรเทาอาการหย่อนและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ชะลอความชรา และเป็นยาบำรุงที่ดีสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้

นอกจากนี้จากรายงานทางการแพทย์ พบว่าสารสกัดจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด กระตุ้นสมรรถภาพการทำงานของต่อมหมวกไต เสริมภูมิต้านทานให้กับผู้ป่วยโรคไต (ลดจำนวนครั้งของการฟอกไต) สมานแผลจากโรคเบาหวาน ลดการเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง

ที่มา:www.cordythai.com, สารานุกรม google, :www.thaibio.com

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

น้ำผึ้ง



น้ำผึ้งทานอย่างไรถึงจะได้ผลดี
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง ½ -1 ช้...อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5 .ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว
10. เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร
12. ล้างแผลฝีหนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผล ไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรค ตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็น ประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด( 10-20 % ) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ถ้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก http://goo.gl/MXgGoH
ขอบคุณภาพจาก http://goo.gl/pWS1vx

 

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ใบหูเสือ

 

 
ต้นใบหูเสือ แก้ไอ แก้คออักเสบ

หูเสือเป็นผักกลิ่นหอมฉุน รสเผ็ดร้อน มีรสเปรี้ยวแทรกอยู่เล็กน้อย รสชาติของหูเสือ บางคนบอกว่าคล้ายกับออริกาโน ที่ใช้ประกอบอาหารฝรั่งชนิดหนึ่ง บางคนก็รับประทานหูเสือไม่ได้เพราะมันมีรสเผ็ดร้อน กลิ่นฉุน แต่ก็ไม่ได้...ฉุนมากมายอะไรนักหนานอกจากเป็นผักสดแล้ว ยังนำใบหูเสือมาทำอาหารได้ด้วย

นิยมปลูกไว้ที่บ้านเพื่อเก็บยอดอ่อนหรือใบอ่อนรับประทานเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก ลาบ ก้อย ยำ ใช้แทนผักชีฝรั่ง(ผักชีใบเลื่อย)บ้าง ใช้แทนออริกาโนบ้าง หรือใช้ใส่ในอาหารเนื้อสัตว์เพื่อดับกลิ่นคาวและช่วยย่อยเนื้อสัตว์บ้าง เพื่อดับกลิ่นคาวและทำให้อาหารมีกลิ่นหอม ขยายพันธุ์ ด้วยการปักชำ ขึ้นได้ดีกับทุกสภาพดิน ชอบความชื้นมาก แสงแดดปานกลาง

สรรพคุณ
- แก้ลดไข้ นำใบมาคั้นน้ำ ดื่ม ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับเด็กดื่ม 1-2 ช้อนชา ผู้ใหญ่ 1-2 ช้อนโต๊ะ
- แก้คัดจมูก นำใบมาต้ม สูดไอน้ำ เพื่อบรรเทา
- ลดเสมหะ นำใบสดมาต้ม ใส่ใบกระวานและกานพลูนิดหน่อยผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ดื่มวันละ 2 ครั้ง ดื่มติดต่อกัน 3 วัน
- แก้หอบหืด นำใบมาต้มดื่ม เพื่อบรรเทา สำหรับเด็กดื่มปริมาณ 5-10 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่ 20-30 มิลลิกรัม
- เจ็บคอและไอ เด็ดใบสด ๆ 2 ใบ บดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา
- แก้อาการนอนไม่หลับ นำใบมาต้ม ดื่มน้ำแทนน้ำชา

 

กล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้ง

วันนี้มีสูตร กล้วยดองน้ำผึ้ง
อาหารเสริมชั้นเลิศมาฝากทุกคนค่ะ
ส่วนประกอบ
1 พริกไทยดำ บุบๆ พอแตก 100 เม็ด
2 ขิงสดฝานเป็นแง่งบางๆ 1 แง่ง
3 กล้วยน้ำว้าสุกคาต้น 1 หวี
4 น้ำผึ้งแท้
5 โหลแก้ว ขนาด พอประมาณ
(ให้สูงกว่ากล้วยวางแนวตั้ง)
วิธีทำ
นำพริกไทยและขิงสดเรียงไว้ก้นโหล
ปลอกกล้วยน้ำว้าใส่เรียงตามลงในแนวตั้ง...เรียงจนกล้วยเต็มโหล แล้วเติมน้ำผึ้งแท้
...ตามลงไปจนท่วมกล้วยมิด ปิดฝาโหลตั้งทิ้งเอาไว้ สามวัน
จากนั้นนำกล้วยมากิน
เช้า 1 ลูก
เย็น 1 ลูก
ถ้ากล้วยใกล้หมดให้เติมกล้วยลงไปใหม่ หมักต่อไป...ทานได้เรื่อยๆ
สรรพคุณ
บำรุงดี ภูมิแพ้หาย ร่างกาย แข็งแรง

ที่มา กานต์ชนกคลินิกการแพทย์แผนไทย
 

ประโยชน์ของใข่



 









กินไข่กัน
อ่านเจอ.... เลยเก็บมาฝาก....

โดนฝรั่งหลอกว่าไข่ไก่กินไม่ดี ไขมันสูง ลองมาอ่านของจริงบ้างเป็นอย่างไร เราโง่มานานแล้ว

คลอเรสเตอร์รอลมันเกิดจากการกินอาหารเพียง 20 %แต่มันสร้างโดยตับเราเองถึง 80% แล้วการสร้างอนุมูลอิสระตัว HDL ซึ่งเป็นตัวมี...ประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีที่สุดคือ การกินไข่ จะได้เพิ่มถึง 48% เชียวนะ

ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่ มีประโยชน์มาก...โปรดอ่านและเผยแพร่ แก่ผู้ใกล้ชิดด้วย เห็นว่ามีคุณค่าและเป็นประโยชน์ จึงอยากเผยแพร่ต่อ.... หากใครได้ดูรายการ 'ข้อเท็จจริง..วันนี้' ทางช่องยูบีซี 7 ที่มีการการพูดคุยกับ ศ.นพ.รุ่งธรรม ลัดพลี เกี่ยวกับ เรื่อง 'ภาวะสมองเสื่อม..กับไข่ไก่ ' เรื่องที่มีการการ สนทนากันนั้น พอจับใจความหลักๆ ได้ว่า ... จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวัน นั้น จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด

คุณหมอ บอกว่า อยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย เพราะข้อเท็จ จริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่ มากด้วยคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด การที่หลายๆคน มีระดับคลอเสลเตอรอล ในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไป เพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อยหรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การ รับประทานไข่ ทุกวันๆละอย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก

คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษา ผู้สูงอายุหลายๆคนที่มา ให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟองผลก็คืออาการของโรค ที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ก็กลับมาเดินได้.......นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทา, และอีกหลายๆชนิด แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ (หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้
ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภค ไข่ต่อคนสูงสุดก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯ
คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่ มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี

อย่าไปสนใจพวกอาหารเสริมที่โฆษณากันเลย ไข่นี่แหละสุดยอด ของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่า ภาวะเลือด ที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหาร ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย จะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

กำจัดและไล่แมลงศัตรูพืช




 
...มาแล้วค่ะ ทั้งฆ่าทั้งไล่.....
........สูตร1...เหล้าขาว1ขวดใหญ่ น้ำส้มสายชูกลั่น5% 1ขวดใหญ่ ยาฉุน2ขีด คนให้เข้ากันแช่รวมกันไว้ 1คืน ใช้อัตราส่วน 2ช้อนโต้ะต่อน้ำ10ลิตร
........สูตร2...น้ำส้มสายชู1ขวดใหญ่ พริกสด1ขีดหรือ1กำมือ โขลกพริกผสมน้ำ...ส้มหมักไว้1คืน ใช้อัตราส่วน 2ช้อนโต้ะต่อน้ำ 10ลิตร
........สูตร3...เหล้าขาว 2แก้ว น้ำส้มสายชู 1แก้ว EM 1แก้ว กากน้ำตาลหรือน้ำตาลทรายแดง 1แก้ว ผสมทั้งหมดหมักไว้ 1คืน ใช้อัตราส่วน 5-10ช้อนโต้ะต่อน้ำ 20ลิตร
*****ทั้ง3สูตร เป็นยาฆ่าแมลง เวลาใช้ให้เจือจางตามสูตรที่ให้ค่ะแล้วเติมน้ำยาล้างจานด้วย 1ชันชา เพือให้น้ำยาที่ฉีดจับใบหรือเกาะที่ใบพืชของเรานานๆค่ะ
........จากภาพด้านบน ทั้งเพลี้ย หนอนหลอด บุ้ง มด.... ตายภายในไมีถึง5นาทีเลยค่ะตายแบบเพลี้ยไหม้เลยล่ะ.........อย่าใช้อัตรส่วนที่เข้มข้นมากไปนะคะ เพราะอาจทำให้ใบไหม้และตายได้ เพราะจะได้ผลดีคือฉีดตอนแดดจัดค่ะ

........สูตรขับไล่....
....สูตร1....น้ำจากการดองผักต่างๆหรือน้ำดองหน่อไม้ส้ม 5ช้อนโต้ะต่อน้ำ 10ลิตร
....สูตร2....ข่าแก่ ใบขี้เหล็ก ใบสะเดา
ตำทุกอย่างพอแตก ผสมน้ำเปล่าพอท่วมหมักไว้ 1คืน
....สูตร3....ใบสาบเสือ ใบน้อยหน่า ใบกระถิน โขลกรวมกันให้ช้ำจนมีกลิ่นฉุนออกมา ผสมน้ำพอท่วมหมักไว้ 1คืน
......ทั้ง3สูตร ใช้อัตรา 5 ช้อนโต้ะต่อน้ำ10ลิตรและเพิ่มน้ำยาล้างจาน 1ช้อนชาค่ะ เพื่อจับใบ ฉีดให้เปียกชุ่มทั้วทรงพุ่มเลยนะคะใต้ใบด้วยค่ะ อาทิตย์ละครั้ง จะไม่มีแมลงมารบกวนเลยค่ะ